• แฟลชกล้องกับหัวใจ

    ต้น: โอเค ลิลลี่ เดี๋ยวเราจะเริ่มถ่ายเซ็ตนี้กันตรงแสงธรรมชาติที่มุมนี้นะ แสงสวยมากเลย

    ลิลลี่ นางแบบสาวที่มากด้วยเสน่ห์ กำลังยืนอยู่ในชุดแฟชั่นหรูหราท่ามกลางบรรยากาศสวยงามของเมืองใหญ่ ต้น ช่างภาพมืออาชีพที่เพิ่งได้รับงานถ่ายภาพแฟชั่นครั้งใหญ่ในเมืองนี้ เขาถูกมอบหมายให้ถ่ายภาพของลิลลี่เพื่อนำเสนอความสวยงามของแฟชั่นสมัยใหม่

    ทั้งสองคนเพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรก ต้นเป็นคนเงียบๆ แต่มีความตั้งใจสูงในงาน ลิลลี่เป็นคนที่เปิดเผยและชอบความท้าทาย การถ่ายภาพเริ่มต้นไปอย่างราบรื่น แต่ก็มีการแซวเล่นกันเป็นบางครั้งทำให้บรรยากาศเป็นกันเองและสนุกสนาน

    ลิลลี่: โอ๊ย! แสงตอนนี้แรงมากเลยค่ะ ต้น ช่วยบอกหน่อยว่าฉันต้องทำหน้าแบบไหนให้ดูไม่ขมวดคิ้ว

    ต้น: งั้นทำท่าตามใจเธอเลย เดี๋ยวฉันจะช่วยดูแสงให้เอง รับรองว่าหน้าสวยทุกมุมแน่นอน

    ลิลลี่หัวเราะเบาๆ พร้อมกับเริ่มโพสท่าอย่างมั่นใจ ต้นยืนถือกล้องเตรียมพร้อม เขากดชัตเตอร์รัวๆ อย่างคล่องแคล่ว แต่ในใจเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงบางอย่างที่แปลกออกไปจากเดิมเมื่อได้ทำงานร่วมกับลิลลี่ ทุกครั้งที่เขายกกล้องขึ้นมาถ่าย เธอเหมือนจะสะกดทุกสายตาด้วยรอยยิ้มและท่าทางที่เป็นธรรมชาติ

    ลิลลี่: ต้น คุณเก่งจัง ฉันไม่เคยเห็นช่างภาพที่ทำให้ฉันรู้สึกสบายใจขนาดนี้มาก่อนเลย

    ต้นยิ้มเขินๆ เขาไม่ค่อยชินกับคำชมตรงๆ แบบนี้ แต่ก็ยอมรับว่าเขาก็รู้สึกดีที่ได้ยิน

    ต้น: ขอบคุณครับ แต่จริงๆ ฉันแค่ถ่ายภาพตามความงามของแบบนะ เธอน่ะแหละที่ทำให้ภาพออกมาดูดี

    ทั้งสองหัวเราะด้วยกันเบาๆ ความสนิทสนมเริ่มก่อตัวขึ้นระหว่างพวกเขาอย่างไม่รู้ตัว การถ่ายภาพดำเนินไปเรื่อยๆ ต้นเริ่มรู้สึกถึงความรู้สึกที่เกินกว่าการเป็นแค่ช่างภาพและนางแบบ เขาไม่เคยทำงานกับใครแล้วรู้สึกผ่อนคลายขนาดนี้มาก่อน

    ลิลลี่: คุณชอบถ่ายภาพมากเลยใช่ไหม? เห็นคุณดูจริงจังกับงานมาก แต่ก็ยังทำให้ฉันรู้สึกสนุกได้ด้วย

    ต้น: ใช่ครับ ผมชอบมาก การถ่ายภาพมันเหมือนกับการจับช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดไว้ เราได้เก็บความทรงจำและความรู้สึกต่างๆ เอาไว้ในภาพ แต่ผมก็ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้มาทำงานร่วมกับนางแบบที่เก่งและเป็นกันเองขนาดนี้

    ลิลลี่หัวเราะเบาๆ อีกครั้ง เธอรู้สึกดีใจที่ได้ยินคำพูดนั้น ต้นไม่ได้แค่เป็นช่างภาพที่ทำงานดี แต่เขายังเป็นคนที่ทำให้เธอรู้สึกว่าเธอเป็นตัวของตัวเองได้ในระหว่างการทำงาน

    ในช่วงบ่ายของวัน การถ่ายภาพใกล้จะเสร็จสิ้น ต้นและลิลลี่ได้พักผ่อนกันที่มุมนึงของสตูดิโอ พวกเขาพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวกันมากขึ้น

    ลิลลี่: ต้น แล้วงานถ่ายภาพแฟชั่นนี่ถือเป็นความฝันของคุณหรือเปล่า?

    ต้น: ถามยากจัง แต่ก็ใช่นะ ผมชอบการถ่ายภาพมาตั้งแต่เด็ก มันเป็นการสร้างสรรค์ศิลปะในแบบของผม แต่ถ้าจะพูดถึงความฝันจริงๆ ผมอยากใช้ภาพถ่ายสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นมากกว่าครับ

    ลิลลี่: ว้าว น่าสนใจจังค่ะ ฉันชอบที่คุณมองภาพถ่ายเป็นมากกว่างาน มันทำให้ฉันคิดว่าเราทำสิ่งที่มีความหมายจริงๆ

    ต้นพยักหน้า เขารู้สึกดีที่ได้แชร์ความคิดของเขากับลิลลี่ และในขณะเดียวกัน เขาก็เริ่มมองลิลลี่ในมุมที่แตกต่างไป เธอไม่ใช่แค่นางแบบที่สวยงาม แต่เธอยังมีความลึกซึ้งในการมองโลก ทำให้เขาเริ่มรู้สึกถึงความรู้สึกที่เติบโตขึ้นในใจ

    ลิลลี่: เอ่อ ต้น… แล้วตอนนี้คุณกำลังคิดอะไรอยู่เหรอ? ดูเงียบๆ ไปเลย

    ต้น: เอ่อ… ไม่มีอะไรหรอก ผมแค่กำลังคิดว่า… การทำงานกับคุณวันนี้มันสนุกมากเลยนะ ผมไม่เคยมีช่วงเวลาที่ผ่อนคลายและสนุกสนานขนาดนี้ในการทำงานเลย

    ลิลลี่หน้าแดงเล็กน้อยกับคำพูดนั้น เธอรู้สึกเช่นกันว่าการทำงานกับต้นไม่เหมือนกับช่างภาพคนอื่นๆ เขาทำให้เธอรู้สึกเป็นตัวของตัวเอง และการถ่ายภาพก็เป็นเรื่องที่สนุกและไม่กดดัน

    ลิลลี่: ขอบคุณนะคะ ต้น ฉันก็รู้สึกเหมือนกัน การทำงานกับคุณมันทำให้ฉันสนุกมาก และฉันก็คิดว่า… เราน่าจะทำงานร่วมกันอีกนะคะ

    ต้น: ผมก็หวังแบบนั้นเหมือนกันครับ

    ทั้งสองคนมองตากันและหัวเราะเบาๆ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาในวันนี้ไม่ใช่แค่การทำงานเพื่อจบงานแฟชั่น แต่เป็นการเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกว่าที่พวกเขาคิด

    หลังจากวันนั้น การถ่ายภาพแฟชั่นครั้งนี้ก็ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของภาพถ่ายที่งดงามเท่านั้น แต่มันยังกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่น่าจดจำระหว่างช่างภาพที่ต้องการแรงบันดาลใจและนางแบบที่เปิดใจและยิ้มให้กับโลก

    ความรักที่เบ่งบานผ่านแฟลชกล้องและช่วงเวลาที่ถูกเก็บบันทึกไว้ในภาพถ่ายทำให้ทั้งสองรู้ว่า บางทีแรงบันดาลใจที่แท้จริงนั้นอาจจะไม่ได้มาจากภาพหรือเทคนิค แต่มาจากการที่พวกเขาได้มาพบเจอกัน

  • จิบกาแฟกับศิลปินรักขำ

    โจ้: นี่น้ำ วันนี้มีเมนูใหม่อะไรแนะนำไหม?

    น้ำ พนักงานร้านกาแฟสาวยิ้มกว้าง พร้อมกับเสนอเมนูโปรดของโจ้ ลูกค้าประจำที่มักจะมานั่งจิบกาแฟในร้านทุกเช้า น้ำเป็นคนที่มีความอบอุ่นและเป็นมิตร ลูกค้าทุกคนในร้านต่างก็ชอบเธอเพราะความสดใสและอารมณ์ขันของเธอ และโจ้เองก็ไม่พลาดที่จะมานั่งพูดคุยกับน้ำทุกครั้งที่เขาแวะเข้าร้าน

    น้ำ: โอ้โห พี่โจ้ถามแบบนี้ทุกวันเลยนะคะ! วันนี้เรามีลาเต้มะพร้าวน้ำหอมค่ะ จะลองไหม?

    โจ้หัวเราะเบาๆ เขาสั่งเมนูเดิมทุกครั้ง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะให้ความสนใจกับเมนูใหม่ที่น้ำแนะนำบ่อยๆ

    โจ้: เอาละ งั้นลองตามที่น้ำแนะนำแล้วกัน

    น้ำเตรียมลาเต้มะพร้าวน้ำหอมให้โจ้อย่างคล่องแคล่ว ขณะที่โจ้นั่งลงที่มุมโปรดของเขา มุมที่ติดหน้าต่างและมีแสงแดดอ่อนๆ ส่องเข้ามา เมื่อกาแฟเสร็จ น้ำก็นำมาวางที่โต๊ะพร้อมรอยยิ้ม

    น้ำ: ลองดูนะคะ ถ้าไม่อร่อยน้ำจะทำให้ใหม่เลย

    โจ้: อร่อยแน่นอน! น้ำชงกาแฟไม่เคยพลาดเลย

    ทั้งสองหัวเราะอย่างเบาๆ ขณะที่โจ้เริ่มจิบกาแฟของเขา เขารู้สึกว่าการมาที่ร้านนี้ทุกเช้าไม่ใช่แค่เพราะกาแฟดีเท่านั้น แต่มันเป็นเพราะการได้คุยกับน้ำ สาวบาริสต้าที่ทำให้วันของเขาสดใสขึ้นทุกครั้ง

    โจ้: น้ำรู้ไหม ฉันเป็นศิลปินนะ แต่ตอนนี้กำลังมองหาแรงบันดาลใจอยู่ ไม่รู้ทำไมถึงตื้อคิดงานไม่ออกเลย

    น้ำ: โห พี่โจ้เป็นศิลปินด้วยเหรอคะ! งั้นน้ำว่าพี่มาที่ร้านนี้น่าจะถูกแล้วค่ะ บรรยากาศดี เผื่อได้แรงบันดาลใจจากกาแฟของน้ำ (หัวเราะ)

    โจ้หัวเราะและพยักหน้า

    โจ้: ใช่แล้วสิ อาจจะต้องมาทุกวันเผื่อจะได้ไอเดียดีๆ สักวัน

    หลังจากการพูดคุยสนุกสนาน น้ำก็สนใจในเรื่องศิลปะที่โจ้กำลังทำ เธออยากรู้ว่าโจ้ทำงานแนวไหนและเขาหาแรงบันดาลใจจากอะไรบ้าง เธอจึงถามต่อ

    น้ำ: แล้วพี่โจ้ทำงานแนวไหนเหรอคะ น้ำอยากรู้

    โจ้: ส่วนใหญ่เป็นงานวาดภาพน่ะ แต่ช่วงนี้มันตันๆ ไอเดียไม่ค่อยออก ไม่รู้จะไปหาความคิดจากไหน

    น้ำรู้สึกสนใจและอยากช่วยโจ้ เธอคิดว่าน่าจะมีหนังสือหรือเว็บไซต์ที่เป็นแรงบันดาลใจให้โจ้ได้บ้าง

    น้ำ: งั้นพี่โจ้ลองหาหนังสือศิลปะหรืออะไรที่พอจะช่วยได้นะคะ น้ำว่าในเน็ตต้องมีแน่นอน

    โจ้: เออจริงด้วย เดี๋ยวฉันลองหาดู

    โจ้เปิดมือถือและค้นหาหนังสือศิลปะที่น้ำพูดถึง แต่ในขณะที่เขากำลังหาข้อมูลอยู่นั้น เขาเผลอคลิกไปยังลิงก์ที่ไม่น่าคลิกเข้าอย่างเต็มที่ หน้าเว็บที่ไม่เหมาะสมเด้งขึ้นมาทันที ทั้งโจ้และน้ำต่างก็อึ้งไปชั่วครู่ก่อนที่จะหัวเราะกันอย่างกลั้นไม่อยู่

    น้ำ: พี่โจ้! นี่พี่หาอะไรน่ะเนี่ย (หัวเราะ)

    โจ้: โอ๊ย ขอโทษทีน้ำ! ไม่ได้ตั้งใจเลย! (หัวเราะ) ฉันพยายามหาหนังสือจริงๆ นะ!

    ทั้งสองต่างหัวเราะจนเกือบจุกจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โจ้รู้สึกอายเล็กน้อย แต่น้ำก็ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย

    น้ำ: ไม่เป็นไรค่ะพี่โจ้ เดี๋ยวน้ำช่วยหาลิงก์ให้นะ คราวหน้าพี่ต้องระวังหน่อยแล้วนะคะ ไม่งั้นคนอื่นจะคิดว่าพี่เป็นพวกดูเว็บแปลกๆ นะ (หัวเราะ)

    โจ้: จริงๆ แล้วฉันตั้งใจหาหนังสือนะ แต่เผลอไปเจออะไรแบบนี้ได้ไงก็ไม่รู้!

    ทั้งสองหัวเราะร่วมกันอย่างสนุกสนาน ความอายที่เคยมีอยู่ในตอนแรกกลับกลายเป็นความขบขันและทำให้บรรยากาศในร้านดูผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น

    หลังจากเหตุการณ์ตลกๆ นั้น โจ้รู้สึกว่าการได้มานั่งจิบกาแฟและคุยกับน้ำทุกเช้าไม่ใช่แค่การมาผ่อนคลายตัวเองจากงานศิลปะที่เขาตันๆ แต่มันกลายเป็นช่วงเวลาที่พิเศษมากขึ้นทุกครั้ง เขารู้สึกว่าน้ำเป็นมากกว่าแค่พนักงานร้านกาแฟทั่วไป

    โจ้: ขอบคุณนะน้ำ ฉันคิดว่าฉันได้แรงบันดาลใจจากเธอแล้วล่ะ ไม่ใช่จากหนังสือศิลปะหรอก

    น้ำ: (ยิ้ม) แหม พี่โจ้นี่พูดเก่งเหมือนกันนะคะ น้ำดีใจที่พี่มีความสุขที่มาที่นี่

    วันเวลาผ่านไป โจ้ยังคงมาเยือนร้านกาแฟทุกเช้า ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับน้ำก็เริ่มลึกซึ้งขึ้น ทุกครั้งที่ได้คุยกันเรื่องศิลปะหรือเรื่องทั่วไป มันทำให้ทั้งสองคนรู้สึกใกล้ชิดและสนิทสนมกันมากขึ้น โจ้เริ่มรู้สึกว่าน้ำไม่ใช่แค่คนที่ทำให้เขาสบายใจ แต่เธอยังเป็นแรงบันดาลใจที่แท้จริงของเขา

    โจ้: น้ำ รู้ไหม ฉันคิดว่าฉันจะเขียนภาพใหม่แล้วล่ะ แต่คราวนี้มันไม่ใช่แค่ภาพธรรมดาๆ นะ มันคือภาพที่ฉันได้แรงบันดาลใจจากเธอ

    น้ำ: โอ้โห! พี่โจ้นี่จริงจังนะคะ น้ำรอดูเลยค่ะ จะเป็นยังไง

    ทั้งสองหัวเราะเบาๆ ด้วยความสนิทสนมที่มากขึ้นทุกวัน ความรู้สึกของทั้งคู่เริ่มเบ่งบานเหมือนกาแฟที่ค่อยๆ ดึงรสชาติออกมาอย่างลงตัว ความรักของพวกเขาไม่ใช่แค่การพบกันระหว่างลูกค้ากับบาริสต้า แต่มันเป็นความสัมพันธ์ที่พัฒนาผ่านเสียงหัวเราะ ความอายเล็กๆ และการสนับสนุนกันและกัน

    ทุกครั้งที่โจ้มาที่ร้านกาแฟ เขารู้ว่าไม่ใช่แค่การมาหากาแฟที่อร่อยที่สุดเท่านั้น แต่ยังเป็นการมาพบกับคนที่ทำให้เขายิ้มและมีแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานอีกด้วย

  • จังหวะหัวใจกับครูเต้นและนักเรียนหนุ่ม

    เมย์: นัท ทำไมวันนี้ดูไม่มีความมั่นใจเลยล่ะ? เธอมีพรสวรรค์มากเลยนะ อย่าคิดมากสิ

    นัท: ขอโทษครับครู ผมไม่มั่นใจจริงๆ มันเหมือนทุกครั้งที่เต้น ผมกลัวว่าจะทำผิดพลาด…

    เมย์ ครูสอนเต้นสาวสวยที่เพิ่งมารับงานสอนที่สตูดิโอแห่งนี้ได้ไม่นาน เธอเป็นคนร่าเริง มีความมุ่งมั่นในการสอนและเต็มใจที่จะช่วยเหลือนักเรียนทุกคนให้เติบโตไปพร้อมกับความเชื่อมั่นในตัวเอง นัท นักเรียนชายที่มาเรียนเต้นกับเมย์ เขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีพรสวรรค์พิเศษในการเต้น แต่กลับขาดความมั่นใจในตัวเองอย่างน่าเสียดาย

    วันนี้เป็นอีกวันที่นัทมาฝึกเต้นกับเมย์ แต่เขาดูไม่ค่อยมั่นใจนัก เมย์จึงต้องใช้เวลาพูดคุยและให้กำลังใจเขา

    เมย์: นัท เชื่อสิว่าเธอมีความสามารถมาก ทุกครั้งที่ฉันดูเธอเต้น ฉันเห็นศักยภาพที่ชัดเจน เธอต้องลองปล่อยใจให้เป็นธรรมชาติมากขึ้น อย่ากลัวความผิดพลาด

    นัทยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของเมย์ แต่ยังคงมีความกังวลอยู่ในใจ เมย์รู้ว่านัทต้องการการสนับสนุนมากกว่านี้เพื่อที่จะกล้าแสดงออกในการเต้น

    นัท: ผมอยากจะทำได้แบบที่ครูบอกจริงๆ นะครับ แต่บางทีมันยากที่จะสลัดความกลัวออกไป

    เมย์ยิ้มและตบไหล่นัทเบาๆ พร้อมพูดว่า

    เมย์: ไม่เป็นไรนัท เธอแค่ต้องฝึกฝนและกล้าที่จะเชื่อในตัวเอง เราจะเริ่มจากการฝึกเล็กๆ น้อยๆ กันก่อน แล้วค่อยๆ พัฒนาไปเรื่อยๆ โอเคไหม?

    หลังจากพูดเสร็จ เมย์ตัดสินใจเปิดมือถือเพื่อหาวิดีโอเทคนิคใหม่ๆ ที่เธอคิดว่านัทจะสามารถนำไปฝึกฝนเพิ่มเติมได้ เธอค้นหาวิดีโอเทคนิคการเต้นจากนักเต้นมืออาชีพ แต่ว่า…กลับเผลอคลิกไปยังเว็บที่ไม่เหมาะสมแทน

    เมย์: โอ๊ย! อะไรกันเนี่ย! ไม่ใช่สิ ฉันกดผิด!

    เมย์หน้าแดงขึ้นทันที เธอรีบปิดหน้าจอ แต่นัทก็เห็นเข้าไปแล้ว ทั้งสองคนต่างตกอยู่ในความเงียบงันสักครู่ ก่อนที่ทั้งคู่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกัน

    นัท: ฮ่าๆๆๆ ครู! นี่คือเทคนิคใหม่ของครูเหรอครับ!

    เมย์: (หัวเราะ) ไม่ใช่! นัท! มันคือความผิดพลาดล้วนๆ เลยนะ!

    ทั้งคู่หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ความอายเล็กๆ ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นกลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้บรรยากาศผ่อนคลายยิ่งขึ้น เมย์รู้สึกว่านัทเริ่มเปิดใจมากขึ้น และนัทเองก็รู้สึกว่าเมย์ไม่ใช่แค่ครูสอนเต้นที่เข้มงวด แต่ยังเป็นคนที่เขาสามารถพูดคุยและหัวเราะด้วยได้

    นัท: ขอบคุณครับครู ที่ช่วยผ่อนคลายให้ผมรู้สึกดีขึ้น…แม้ว่าจะมาจากเหตุการณ์ฮาๆ แบบนี้ก็ตาม

    เมย์: ฉันก็ขอโทษด้วยนะนัท (หัวเราะ) มันตลกดีจริงๆ แต่ก็ทำให้เราได้ผ่อนคลายมากขึ้นใช่ไหม?

    หลังจากเหตุการณ์นั้น ทั้งคู่ก็กลับมาสนใจเรื่องการฝึกซ้อมต่อ เมย์เริ่มสอนเทคนิคใหม่ให้กับนัท พร้อมทั้งเสริมสร้างความมั่นใจให้เขามากขึ้นเรื่อยๆ นัทเริ่มเข้าใจว่าความสำเร็จในการเต้นไม่ได้เกิดขึ้นจากการหลีกเลี่ยงความผิดพลาด แต่มันคือการที่เรากล้าพอที่จะเผชิญกับมันและเรียนรู้จากมัน

    เมย์: นัท จำไว้นะ เธอไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบในทันที การเต้นคือการแสดงออกของอารมณ์ ความรู้สึก และการเปิดใจ เธอต้องปล่อยตัวปล่อยใจและสนุกกับมัน

    นัท: ผมจะลองดูครับครู ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยให้ผมเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น

    หลังจากที่นัทได้ลองปล่อยใจเต้นตามที่เมย์แนะนำ เขารู้สึกถึงความแตกต่างในตัวเอง ความมั่นใจเริ่มกลับมา และเขาสามารถเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น ทุกการเคลื่อนไหวของนัทดูสง่างามและเต็มไปด้วยพลัง

    เมย์ยิ้มอย่างภูมิใจเมื่อเห็นความก้าวหน้าของนัท เธอรู้สึกดีใจที่สามารถช่วยให้นัทกล้าแสดงออกและเชื่อมั่นในพรสวรรค์ของตัวเองมากขึ้น

    เมย์: นี่แหละนัท! แบบนี้แหละที่ฉันอยากเห็น! เธอทำได้ดีมาก! เห็นไหมว่าเธอมีพรสวรรค์จริงๆ

    นัท: (ยิ้ม) ขอบคุณครับครู ผมรู้สึกดีขึ้นมากเลย และผมก็ไม่คิดว่าผมจะทำได้ขนาดนี้ถ้าไม่มีครูช่วย

    ทั้งสองมองตากันและหัวเราะอย่างเบาๆ ความสัมพันธ์ระหว่างครูและนักเรียนที่เริ่มต้นด้วยความเครียดและความไม่มั่นใจ ตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นความอบอุ่นและความใกล้ชิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

    นัท: ครูครับ ผมดีใจมากที่ได้มาเรียนเต้นกับครู ครูทำให้ผมกล้าเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น และผมก็รู้สึกว่าผมได้เรียนรู้อะไรจากครูมากกว่าการเต้นเยอะเลย

    เมย์: ฉันเองก็ดีใจนะที่ได้สอนเธอนัท เธอเป็นนักเรียนที่มีพรสวรรค์มาก และฉันเชื่อว่าเธอจะไปได้ไกลแน่นอน

    เวลาผ่านไป นัทและเมย์ยังคงทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด การฝึกซ้อมที่เคยเต็มไปด้วยความกังวลและความกลัว ตอนนี้กลายเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและการสนับสนุนจากทั้งสองฝ่าย

    เมย์รู้สึกถึงความผูกพันที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับนัท ความรู้สึกที่ไม่ใช่แค่ครูและนักเรียน แต่เป็นความรู้สึกที่ลึกซึ้งมากขึ้น ในขณะที่นัทเองก็เริ่มรับรู้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่เขามีต่อครูสาวผู้ที่ช่วยให้เขาเติบโตทั้งในด้านการเต้นและความเชื่อมั่นในตัวเอง

    และในที่สุด ความรักก็ได้เริ่มเบ่งบานขึ้นอย่างช้าๆ ในจังหวะของหัวใจที่เต้นไปพร้อมกับจังหวะของการเต้นที่พวกเขาร่วมกันฝึกฝน

  • รักรอยยิ้มของคุณหมอ

    ผมชื่อ “ป๊อป” เป็นคนไข้ที่มีปัญหาผิวหนังเป็นผื่นเรื้อรังมานาน จะว่าไปมันก็ไม่ใช่โรคที่อันตรายถึงชีวิต แต่บอกเลยว่ามันน่ารำคาญสุด ๆ ครับ ไอ้เจ้าอาการคันยุบยิบที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่ผื่นมันลุกขึ้นมาทำให้ผมต้องเดินเข้าโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น และที่น่าสนใจคือ ผมได้เจอคุณหมอคนเดิมทุกครั้ง “หมอน้ำ” สาวสวยที่ดูแลเรื่องผิวหนัง เธอเป็นหมอประจำตัวผมมาเกือบปีแล้ว

    แรกเริ่มเลย ผมก็แค่รู้สึกขอบคุณที่เธอช่วยรักษาอาการของผม แต่เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ การมาหาหมอน้ำกลายเป็นสิ่งที่ผมเฝ้ารอมากขึ้น ไม่ใช่เพราะอาการผื่นนะ แต่เพราะผมเริ่มรู้สึกพิเศษกับเธอ

    หมอน้ำเป็นคนที่ดูใจดีเสมอ ไม่ว่าเวลาที่ผมจะมาบ่นเรื่องผื่นหรือปัญหาสุขภาพเล็ก ๆ น้อย ๆ เธอก็มักจะรับฟังด้วยความใส่ใจ และที่สำคัญ รอยยิ้มของเธอมันทำให้วันนั้นของผมสดใสขึ้นเสมอ

    “วันนี้อาการดีขึ้นไหมคะ คุณป๊อป?” หมอน้ำถามด้วยน้ำเสียงที่คุ้นเคยขณะที่นั่งลงตรงข้ามผมในห้องตรวจ

    “ก็ยังคันอยู่บ้างครับหมอ แต่ไม่รุนแรงเท่าเดิม”

    เธอยิ้มให้ “ดีค่ะ แต่หมออยากให้คุณลองใช้ยาตัวใหม่นะคะ น่าจะช่วยได้”

    ผมพยักหน้า “หมอครับ ผมว่าผมเชื่อใจหมอหมดแล้วล่ะ หมอจะให้ใช้ยาอะไรก็ได้ครับ แค่ได้เจอหมอ อาการผมก็เหมือนจะดีขึ้นแล้ว”

    หมอน้ำหัวเราะเบา ๆ “คุณนี่นะ ช่างพูดจัง”

    การพูดคุยเฮฮาของเรายังคงดำเนินไปอย่างสบาย ๆ แต่แล้วเรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ขณะที่หมอน้ำหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อ search ชื่อยาให้ผม เธอก็กดเข้าหน้าเว็บหนึ่ง แต่เว็บนั้นกลับไม่ใช่หน้าเว็บที่เธอตั้งใจหา!

    “อ้าว!” เสียงของหมอน้ำดังขึ้นทันทีที่หน้าเว็บที่เปิดมาเป็นเว็บหนังโป๊ แทนที่จะเป็นข้อมูลยา

    “อะ…อะไรกันเนี่ย!” หมอน้ำรีบปิดหน้าจอด้วยความเขินอาย

    ผมที่นั่งอยู่ตรงหน้า มองเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างชัดเจน หัวเราะออกมาเบา ๆ “หมอครับ ผมว่ามีคน hack เว็บหมอแล้วล่ะ”

    เธอหน้าแดงขึ้นทันที “แย่จริง ๆ นี่มันเว็บอะไรเนี่ย! หมอไม่รู้เลยนะว่ามันจะมีอะไรแบบนี้บนมือถือหมอ!”

    “ใจเย็น ๆ ครับหมอ ผมว่ามันคงแค่ระบบรวนหรือไม่ก็โดนไวรัส แหม…หมอน่าจะรู้ว่าผมไม่คิดอะไรหรอกครับ แต่ผมก็ชอบดูนะ หนังโป๊อ่ะ pornhub เอย youporn เอย xxxpostpic เอย ยิ่งหนังโป๊เกาหลีผมยิ่งชอบ”

    หมอน้ำยิ้มเขิน ๆ “…หมออายมากเลย”

    “ไม่ต้องอายหรอกครับหมอ มันก็แค่เรื่องบังเอิญ แต่ถ้าจะให้ดี หมอเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปเรื่องอื่นดีกว่า ผมว่ามันจะดีกว่าครับ”

    เราเปลี่ยนมาคุยเรื่องอื่นแทน เรื่องยาที่เธอจะแนะนำก็ถูกเก็บไว้เป็นความลับในช่วงนี้ไปก่อน แต่ผมสังเกตได้ว่าหลังจากเหตุการณ์นั้น หมอน้ำดูเหมือนจะผ่อนคลายมากขึ้น และเราก็เริ่มสนิทกันมากขึ้นเรื่อย ๆ

    ครั้งต่อมา เมื่อผมไปหาหมอน้ำอีกครั้ง เธอพูดกับผมว่า “คุณป๊อป หมอรู้สึกดีที่คุณไม่ได้ทำให้เรื่องวันนั้นกลายเป็นเรื่องใหญ่”

    ผมยิ้มกลับ “แหม หมอจะกลัวทำไม ผมก็คนธรรมดาเหมือนกันครับ สิ่งสำคัญคือเราก็เข้าใจกันดีใช่ไหมครับ”

    หมอน้ำพยักหน้าและยิ้มอย่างอบอุ่น “ค่ะ คุณเป็นคนไข้ที่น่ารักจริง ๆ”

    นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความรู้สึกพิเศษที่ผมกับหมอน้ำมีต่อกัน การรักษาผื่นที่ผิวหนังกลายเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้นที่จะทำให้เรามีเวลาเจอกัน และคุยกันมากขึ้น ผมรู้สึกว่าเธอเริ่มเปิดใจกับผมมากขึ้นเช่นกัน

    “คุณหมอครับ ถ้าผมรักษาหายแล้ว ผมยังจะมาหาได้ไหมครับ”

    หมอน้ำหัวเราะเบา ๆ “ถ้าคุณป๊อปหายแล้วก็ต้องมาแค่เพื่อตรวจติดตามนะคะ แต่…ถ้าคุณคิดถึงหมอก็มาเยี่ยมได้นะ”

    หัวใจของผมเต้นแรงขึ้นเมื่อได้ยินแบบนั้น ผมเริ่มรู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเรามันไม่ใช่แค่หมอและคนไข้แล้ว มันเป็นมากกว่านั้น และผมก็รู้ว่าหมอน้ำเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน

    จากวันนั้น เราก็ยังคงนัดเจอกันบ้างนอกเวลาทำงาน ผมกลายเป็นคนที่มีแรงจูงใจที่จะรักษาตัวให้ดีขึ้น และการเจอหมอน้ำกลายเป็นส่วนหนึ่งของวันที่ทำให้ผมมีความสุข

  • ปากกาหัวใจของนักเขียนและบรรณาธิการ

    สมชาย: อันนา ผมไม่รู้จะเขียนต่อยังไงแล้ว คุณมีไอเดียอะไรบ้างไหม?

    อันนา: สมชาย คุณน่ะเป็นนักเขียนรักชื่อดังนะ ยังมาถามฉันเรื่องไอเดียอีกเหรอ?

    สมชายยิ้มเจื่อนๆ พร้อมกับก้มหน้ามองต้นฉบับนิยายรักที่เขากำลังเขียนอยู่บนโต๊ะ สมชายเป็นนักเขียนรักที่มีชื่อเสียงในวงการ แต่ช่วงนี้เขาประสบปัญหาในการเขียน รู้สึกว่าไอเดียมันตื้อไปหมด สไตล์การเล่าเรื่องที่เคยราบรื่นกลับติดขัดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขาถูกสำนักพิมพ์มอบหมายให้อันนา บรรณาธิการสาวสุดเข้มงวดมาช่วยดูแลต้นฉบับครั้งนี้

    อันนาเป็นบรรณาธิการที่มีชื่อเสียงเรื่องความเป๊ะและไม่ยอมให้มีข้อผิดพลาด สมชายค่อนข้างกังวลที่จะต้องทำงานร่วมกับเธอเพราะได้ยินกิตติศัพท์ของความเข้มงวดมานาน แต่ในอีกมุมหนึ่ง เขาก็หวังว่าเธอจะสามารถช่วยให้เขากลับมาเขียนได้อย่างคล่องแคล่วเหมือนเดิม

    อันนา: ไหนลองให้ฉันดูหน่อยสิ คุณเขียนถึงไหนแล้ว?

    สมชายเลื่อนต้นฉบับให้อันนาดู เธออ่านเงียบๆ สักพักก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาที่เฉียบคม

    อันนา: สมชาย บทนี้มันค่อนข้างตื้นเกินไปนะ ตัวละครเอกหญิงของคุณขาดมิติ ฉันว่าเธอควรจะมีความซับซ้อนมากกว่านี้ เช่น การตัดสินใจเรื่องความรักไม่ควรจะง่ายแบบนี้ คุณควรใส่อารมณ์ความรู้สึกที่ลึกซึ้งลงไปหน่อย

    สมชายมองหน้าอันนาด้วยความเงียบ เหมือนโดนต่อว่า แต่ก็น้อมรับเพราะรู้ว่าเธอพูดถูก

    สมชาย: ก็จริงนะ… แต่มันยากจริงๆ นะช่วงนี้ ผมคิดอะไรไม่ออกเลย

    อันนา: ไม่เป็นไรนะ สมชาย เดี๋ยวเราค่อยๆ แก้กันไป ฉันจะช่วยคุณเอง

    สมชายรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดนั้นจากอันนา แม้เธอจะดูเข้มงวด แต่น้ำเสียงและคำพูดของเธอก็แฝงไปด้วยความหวังดี

    อันนาเริ่มเปิดมือถือขึ้นมาเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสร้างมิติตัวละครหญิง เธอต้องการข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือเพื่อแนะนำสมชาย แต่ทันใดนั้นเอง หน้าเว็บที่ปรากฏบนหน้าจอกลับไม่ใช่เว็บที่เธอต้องการ แต่เป็นเว็บโป๊

    อันนา: อุ๊ย!

    อันนาตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นหน้าเว็บที่ไม่เหมาะสมปรากฏบนหน้าจอ เธอรีบกดปิดทันที แต่ไม่ทันเสียแล้ว สมชายเห็นพอดี ทั้งสองต่างก็เงียบไปชั่วครู่ก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมาพร้อมกัน

    สมชาย: ฮ่าๆๆ อันนา! นี่คุณเองก็เปิดเว็บโป๊แบบนี้ด้วยเหรอ?

    อันนา: โอ๊ย! ไม่ใช่แบบนั้น! ฉันแค่เปิดหาข้อมูล แล้วมันดันเด้งขึ้นมาเอง! (หัวเราะ)

    สมชายหัวเราะจนต้องยกมือขึ้นปิดปาก เขาเห็นสีหน้าแดงระเรื่อของอันนา ทำให้บรรยากาศที่เคยเครียดตอนเริ่มต้นทำงานกลับเบาลงมากกว่าเดิม อันนาหัวเราะตัวเองเบาๆ และพยายามดึงตัวเองกลับมาให้โฟกัสกับงาน

    อันนา: เอาล่ะๆ พอแล้ว หยุดขำได้แล้ว มาทำงานต่อกันดีกว่า! ก่อนที่คุณจะหัวเราะมากจนปวดท้อง

    สมชาย: โอเคๆ แต่บอกตรงๆ เลยนะ อันนา ผมไม่เคยเห็นคุณหัวเราะแบบนี้มาก่อนเลย คุณดู…น่ารักดีนะ

    คำพูดของสมชายทำให้อันนาชะงักเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะกลับมาที่โหมดบรรณาธิการเข้มงวดเหมือนเดิม แต่ในใจลึกๆ เธอก็รู้สึกดีที่สมชายชมเธอแบบนั้น

    อันนา: ขอบคุณนะ… แต่ตอนนี้ขอให้คุณโฟกัสกับนิยายของคุณก่อนเถอะ!

    ทั้งสองคนหัวเราะกันอีกครั้งและกลับมานั่งทำงานต่อ อันนาค่อยๆ ช่วยสมชายปรับบทต่างๆ ให้มีความเข้มข้นขึ้น ทั้งสองคนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันไปเรื่อยๆ ทุกคำวิจารณ์ของอันนาช่วยให้สมชายเห็นภาพชัดขึ้นว่าควรจะปรับแก้ยังไง สมชายเริ่มกลับมาเขียนได้อย่างคล่องแคล่วและมีแรงบันดาลใจใหม่ๆ ที่เข้ามา

    แต่ยิ่งเวลาผ่านไป ความรู้สึกของสมชายกลับเริ่มเปลี่ยนแปลงไป เขาเริ่มรู้สึกดีใจที่ได้ทำงานกับอันนา ไม่ใช่แค่เพราะเธอช่วยให้เขาแก้ไขงานได้ แต่เพราะเขารู้สึกถึงความอบอุ่นและความสนิทสนมที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขา

    อันนาเองก็รู้สึกเช่นกัน เธอเริ่มสังเกตเห็นว่าสมชายไม่ใช่แค่นักเขียนที่เก่ง แต่ยังเป็นคนที่มีอารมณ์ขันและมีความเข้าใจในเรื่องของหัวใจมากขึ้นเรื่อยๆ

    ทั้งสองคนยังคงทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดจนในที่สุดนิยายของสมชายก็เสร็จสมบูรณ์ อันนาอ่านต้นฉบับทั้งหมดและพยักหน้าอย่างพอใจ

    อันนา: สมชาย ฉันว่ามันดีมากเลยนะ คุณทำได้ดีมาก!

    สมชาย: ขอบคุณนะอันนา ถ้าไม่มีคุณ ผมคงไม่สามารถเขียนออกมาได้ดีขนาดนี้

    ทั้งสองมองหน้ากันและยิ้มให้กัน สมชายรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาเริ่มเกินกว่าแค่การทำงานร่วมกัน อันนาก็รู้สึกถึงความอบอุ่นที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน

    สมชาย: อันนา… ผมมีบางอย่างอยากบอก

    อันนา: อะไรเหรอ?

    สมชาย: ผมคิดว่าผมเริ่มชอบคุณนะ…

    อันนาหยุดชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างเขินอาย

    อันนา: ฉันก็คิดเหมือนกันนะสมชาย…

    ทั้งคู่เปิดใจให้กันและกันและคืนนั้นทั้งคู่ก็ได้จัดหนักกันอย่างเร่าร้อน

  • รักเต็มเบาะกับพี่คนขับ

    พี่มอสเป็นคนขับรถบัสที่ทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำ เพราะต้องขับรถพาผู้โดยสารไปยังจุดหมายปลายทางทุกวัน งานของเขาทำให้เวลาส่วนตัวน้อยลง แต่เขาก็รักงานนี้ เพราะมันทำให้เขาได้เดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ

    น้องแก้ม เด็กรถสาวแสนสวย เป็นผู้ช่วยที่ทำงานอยู่กับพี่มอส ทั้งสองคนทำงานด้วยกันมานานหลายเดือน แก้มเป็นคนร่าเริงและขยันทำงาน ทุกครั้งที่พี่มอสขับรถ แก้มจะคอยจัดการเรื่องการเก็บค่าโดยสาร และทำความสะอาดเบาะนั่งในรถเสมอ เธอเห็นพี่มอสทำงานหนักทุกวัน เธอจึงเริ่มรู้สึกชื่นชมและประทับใจในความขยันและความเป็นคนดีของเขา

    วันหนึ่ง หลังจากที่รถบัสวิ่งจนเสร็จงาน แก้มตัดสินใจจะทำความสะอาดเบาะนั่งให้พี่มอสที่ห้องพักคนขับเพราะเห็นว่าเขาดูเหนื่อยมาก แก้มเปิดประตูห้องคนขับเข้าไป และกวาดตามองไปทั่ว เห็นสิ่งของที่กระจัดกระจายทั่วไป แต่อยู่ๆ เธอก็สังเกตเห็นหน้าจอคอมพิวเตอร์ของพี่มอสที่ยังเปิดอยู่ และทันทีที่เธอเหลือบไปดู เธอพบว่าหน้าจอเปิดหนังโป๊ทิ้งไว้อยู่!

    แก้มตาโตและหัวเราะออกมาเบาๆ พี่มอสที่กำลังเดินมาทางห้องพักได้ยินเสียงหัวเราะของแก้ม ก็รีบวิ่งมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ทันทีที่เขาเห็นว่าแก้มกำลังมองไปที่หน้าจอ เขาหน้าแดงและรีบวิ่งเข้ามาปิดคอมพิวเตอร์ด้วยความอาย

    “โอ้ย น้องแก้ม! พี่ไม่ได้ตั้งใจนะ พี่แค่เปิดไว้ผ่อนคลายน่ะ” พี่มอสพูดอย่างเขินๆ

    แก้มไม่หยุดหัวเราะ “พี่มอส พี่จะเขินทำไมล่ะคะ มันเป็นเรื่องปกติออก!”

    พี่มอสเกาหัวด้วยความลำบากใจ “พี่ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี แค่ว่าพี่เหนื่อยมากเลยอยากผ่อนคลายบ้าง”

    แก้มยังหัวเราะต่อ แต่เธอก็พูดขึ้นมาอย่างจริงจัง “พี่มอสไม่ต้องอายนะคะ หนูเข้าใจดี หนูแค่แซวเล่นๆ ไม่ได้คิดอะไรเลย”

    พี่มอสถอนหายใจด้วยความโล่งใจ “ดีนะที่น้องแก้มเข้าใจพี่ พี่ก็กลัวว่าน้องจะแปลกใจหรือจะมองพี่แปลกๆ ซะอีก”

    หลังจากที่บรรยากาศผ่อนคลายลง ทั้งคู่ก็เริ่มพูดคุยกันอย่างสบายใจ พี่มอสยอมเปิดใจเล่าให้แก้มฟังว่า งานขับรถบัสนั้นหนักหนาและทำให้เขาเหนื่อยล้ามากๆ แต่เขาก็ไม่อยากบ่นหรือให้ใครรู้ว่าเขาเหนื่อยเพราะกลัวว่าจะดูอ่อนแอ

    “พี่ไม่เคยบอกใครหรอก แต่การขับรถบัสมันทำให้พี่ล้าสุดๆ ทั้งกายและใจเลย บางครั้งพี่ก็ต้องหาวิธีผ่อนคลายบ้าง ไม่งั้นพี่คงไม่ไหว” พี่มอสเล่าอย่างจริงจัง

    แก้มฟังอย่างเข้าใจและพูดปลอบใจ “พี่มอสไม่ต้องห่วงนะคะ หนูเห็นพี่ทำงานหนักมาตลอด หนูเองก็รู้สึกว่าพี่เป็นคนที่มีความรับผิดชอบและขยันมาก หนูเชื่อว่าทุกคนในรถก็คงรู้สึกแบบเดียวกัน”

    พี่มอสยิ้ม “ขอบคุณน้องแก้มมากนะ พี่รู้สึกดีขึ้นมากเลยที่มีคนเข้าใจพี่แบบนี้”

    แก้มยิ้มและพูดต่อ “พี่มอส จริงๆ แล้ว หนูก็แอบปลื้มพี่มานานแล้วล่ะค่ะ พี่เป็นคนที่น่ารักและใส่ใจคนอื่นมาก พี่ไม่ต้องอายเรื่องเล็กๆ แบบนี้หรอกค่ะ”

    พี่มอสตาโตขึ้น “น้องแก้มพูดจริงเหรอ?”

    แก้มพยักหน้า “จริงค่ะ หนูชอบพี่ที่พี่เป็นพี่มอส ไม่ต้องทำตัวดีมากหรือเพอร์เฟกต์ หนูชอบพี่แบบนี้แหละ”

    พี่มอสอึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างโล่งใจ “พี่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าน้องแก้มคิดแบบนี้ ขอบคุณนะที่บอกพี่”

    จากนั้นบรรยากาศระหว่างพี่มอสและแก้มก็ดูผ่อนคลายและสนุกสนานมากขึ้น ทั้งคู่หัวเราะและแซวกันอย่างเป็นกันเอง พี่มอสไม่รู้สึกกดดันหรืออายอีกต่อไป ส่วนแก้มก็เริ่มรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาได้เปลี่ยนไปจากเพื่อนร่วมงานธรรมดา กลายเป็นคนที่มีความรู้สึกดีๆ ต่อกัน

    หลังจากนั้น พี่มอสและแก้มก็ยังคงทำงานด้วยกันอย่างเต็มที่ แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาเริ่มแน่นแฟ้นขึ้นทุกวัน ทั้งคู่กลายเป็นคู่ที่ดูแลกันและกัน แก้มคอยช่วยเหลือพี่มอสในการทำงานและผ่อนคลาย ส่วนพี่มอสก็คอยดูแลแก้มและให้คำปรึกษาในเรื่องต่างๆ

    วันหนึ่ง พี่มอสตัดสินใจจะบอกความรู้สึกที่แท้จริงของเขาต่อแก้ม

    “น้องแก้ม พี่อยากจะบอกอะไรบางอย่างกับเรา” พี่มอสพูดอย่างจริงจัง

    “อะไรเหรอคะพี่มอส?” แก้มถามด้วยความสงสัย

    “พี่ชอบน้องแก้มมากๆ นะ และพี่อยากให้เราลองคบกันจริงๆ ดูได้ไหม?” พี่มอสสารภาพด้วยความจริงใจ

    แก้มยิ้มและพูดด้วยความเขินอาย “พี่มอส หนูก็ชอบพี่เหมือนกันค่ะ เราลองคบกันดูนะคะ”

    ทั้งคู่ยิ้มและหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความรักที่เริ่มต้นจากการทำงานหนักและการเปิดใจต่อกัน ความรักที่มีทั้งความสนุกสนานและความเข้าใจในตัวตนของกันและกัน

    และนี่คือเรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นในรถบัสคันหนึ่ง ความรักที่เริ่มจากความเป็นเพื่อนร่วมงานและเติบโตเป็นความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและมีความสุขที่สุด

Sappho, spelled (in the dialect spoken by the poet) Psappho, (born c. 610, Lesbos, Greece — died c. 570 BCE). A lyric poet greatly admired in all ages for the beauty of her writing style.

Her language contains elements from Aeolic vernacular and poetic tradition, with traces of epic vocabulary familiar to readers of Homer. She has the ability to judge critically her own ecstasies and grief, and her emotions lose nothing of their force by being recollected in tranquillity.

Marble statue of Sappho on side profile.

Designed with WordPress